Super User
ศูนย์บริการร่วม
พระราชกฤษฎีกา ว่าด้วย หลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 มาตรา 30 กำหนดให้กระทรวงจะต้องจัดให้ส่วนราชการภายใน ที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการบริการประชาชน ร่วมกันจัดตั้งศูนย์บริการร่วม เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ในการที่จะต้องปฏิบัติตามกฏหมาย หรือกฎอื่นใด ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนสามารถติดต่อสอบถาม ขอทราบข้อมูล ขออนุญาต หรือขออนุมัติในเรื่องใดๆ ที่เป็นอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการ ในกระทรวงเดียวกัน โดยติดต่อเจ้าหน้าที่ ณ ศูนย์บริการร่วมเพียงแห่งเดียว
จากแนวคิดการบริหารจัดการบ้านเมืองที่ดี ที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง (Citizen Centered) และมุ่งเน้นการปรับปรุงกระบวนการทำงาน เพื่อให้การบริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อันจะนำมาซึ่งความพึงพอใจสูงสุดของผู้มาใช้บริการ โดยแนวทางหนึ่งนั้น ได้แก่ การนำเสนอเอารูปแบบศูนย์บริการร่วม (Service Link) มาใช้บริการประชาชน ในเรื่องต่างๆ ของหน่วยงานราชการนั้นๆ
ศูนย์บริการร่วม ได้จัดตั้งขึ้นตาม พระราชกฤษฎีกา ว่าด้วย หลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 มาตรา 30 กำหนดให้กระทรวงจะต้องจัดให้ส่วนราชการภายใน ที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการบริการประชาชน ร่วมกันจัดตั้งศูนย์บริการร่วม เพื่อเป็นการลดขั้นตอนการปฏิบัติงาน และอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน โดยการปรับปรุงการบริการของรัฐ ให้มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว โปร่งใส และสนองตอบต่อความต้องการของประชนยิ่งขึ้น สำหรับรูปแบบ ศูนย์บริการร่วม มีหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับจุดมุ่งหมาย ขอบเขต และองค์ประกอบ ของแต่ละหน่วยงานราชการ
“ศูนย์บริการร่วม” คือ หน่วยให้บริการประชาชน ที่จัดตั้งขึ้นภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวง โดยความร่วมมือของหน่วยงานในสังกัดกระทรวง ทั้งที่เป็นหน่วยงานราชการ หน่วยงานในกำกับของรัฐ (รัฐวิสาหกิจ) และหน่วยงานภาคเอกชน นำงานบริการของแต่ละหน่วยงาน ทั้งที่มีและไม่มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันมาร่วมให้บริการ ณ จุดบริการเดียว พร้อมทั้งมีการจัดระบบงาน เพื่อให้เจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่ง สามารถปฏิบัติงานให้บริการแทนกันได้ ณ ศูนย์บริการร่วม เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ให้สามารถขอรับบริการได้หลายเรื่องพร้อมกันในคราวเดียว ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อสอบถาม การขอทราบข้อมูล/ข่าวสาร การยื่นเรื่อง และการขออนุญาต หรือการขออนุมัติในเรื่องใดๆ ที่เกี่ยวข้องกันโดยติดต่อเจ้าหน้าที่ ณ ศูนย์บริการร่วมเพียงแห่งเดียว
“ศูนย์บริการร่วมสถานที่ราชการ หรือเรียกว่า ศูนย์บริการร่วม” เป็นหน่วยให้บริการประชาชนที่มีสถานที่ให้บริการตั้งอยู่ในสถานที่ราชการ โดยนำงานบริการที่หลากหลาย มีขั้นตอนการดำเนินการหลายขั้นตอน หรือต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการในหลายหน่วยงาน ที่อยู่ต่างพื้นที่ หรือในพื้นที่เดียวกัน แต่ต่างอาคาร หรือต่างชั้น มารวมให้บริการ ณ จุดเดียว เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการได้ง่าย ทั้งนี้ ศูนย์บริการร่วม อาจให้บริการเฉพาะในเวลาราชการ หรือทั้งในและนอกเวลาราชการก็ได้
การนำกระบวนงานตามภารกิจขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่กระทรวงมหาดไทยได้แนะนำให้ลดระยะเวลาการปฏิบัติราชการเพื่อประชาชน จำนวน 17 กระบวนงาน และกระบวนงานเพิ่มเติม มาให้บริการ ณ ศูนย์บริการร่วม
- จัดเก็บภาษีบำรุงท้องที่
- จัดเก็บภาษีโรงเรือนและที่ดิน
- จัดเก็บภาษีป้าย
- ขออนุญาตก่อสร้างอาคาร
- สนับสนุนน้ำอุปโภคบริโภค
- ช่วยเหลือสาธารณภัย
- รับแจ้งเรื่องราวร้องทุกข์
- แจ้งเกิด
- แจ้งตาย
- ย้ายที่อยู่
- กำหนดเลขที่บ้าน
- ขอมีบัตรประจำตัวประชาชน (ครั้ง แรก)
- ขอมีบัตรประจำตัวประชาชน (บัตรเดิมหมดอายุ)
- การขออนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
- การขออนุญาตจดตั้งตลาด
- การขออนุญาตจัดตั้งสถานที่จำหน่ายอาหารหรือสถานที่สะสมอาหาร
- การขออนุญาตจำหน่ายสินค้าในที่หรือทางสาถารณะ
- การรับขึ้นทะเบียนเพื่อรับเงินสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ป่วยเอดส์ รายใหม่
- การรับแจ้งและยืนยันการมีชีวิตเพื่อขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ป่วยเอดส์ ในปีงบประมาณถัดไป
กระบวนงานเพิ่มเติม จำนวน 2 กระบวนงาน
- การรับขึ้นทะเบียนเพื่อรับเงินสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ป่วยเอดส์ รายใหม่
- การรับแจ้งและยืนยันการมีชีวิตเพื่อขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ป่วยเอดส์ ในปีงบประมาณถัดไป
ศูนย์ข้อมูลข่าวสาร
ข้อมูลข่าวสาร คือ สิ่งที่สื่อความหมายให้ทราบถึงเรื่องราวหรือข้อเท็จจริงเรื่องหนึ่ง เรื่องใดโดยในความหมายนี้เน้นที่การสื่อความหมายเป็นหลัก มิได้เน้นที่รูปร่างหรือรูปแบบของความเป็นข้อมูลข่าวสาร กล่าวคือ สิ่งที่เป็นข้อมูลข่าวสารได้นั้นไม่จำเป็นต้องอยู่ในรูปร่าง หรือรูปแบบของกระดาษที่มีข้อความหรือแฟ้มเอกสาร แต่หมายความรวมถึงสิ่งต่างๆ ที่อาจจะปรากฏให้เห็นเป็นข้อความ ตัวเลข สัญลักษณ์ เสียง และสิ่งอื่นๆที่ทำให้มนุษย์สามารถเข้าใจและรู้ความหมายได้ ไม่ว่าจะเป็นโดยสภาพขอสิ่งนั้นเอง หรือโดยผ่านกรรมวิธีใดๆ เช่น ประจุไฟฟ้าแม่เหล็ก ฟิล์ม ไมโครฟิล์ม รูปภาพ เทปบันทึกเสียง เทปบันทึกภาพ คอมพิวเตอร์ แผ่นบันทึกข้อมูล (Diskette) คอมพิวเตอร์ เป็นต้น
ข้อมูลข่าวสารของราชการ หมายความว่า ข้อมูลข่าวสารที่อยู่ในความครอบครอง หรือควบคุมดูแล ของหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งถือเป็นข้อมูลข่าวสารที่อยู่ในบังคับแห่ง พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540
ดังนั้น ความหมายของคำว่า “ข้อมูลข่าวสารของราชการ” จึงให้ความสำคัญต่อลักษณะหรือสิทธิในการยึดถือข้อมูลข่าวสารนั้นว่าอยู่ในขอบเขตอำนาจครอบครองหรือควบคุมดูแลของหน่วยงานของรัฐหรือไม่ ทั้งนี้โดยไม่ต้องคำนึงถึงว่าเนื้อหาสาระของข้อมูลข่าวสารเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร อาจจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการดำเนินการของรัฐ หรือเกี่ยวข้อกับบุคคลหรือเอกชนใดๆ ก็ได้
ประชาชนจะเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของราชการได้อย่างไร ?
พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 กำหนดวิธีในการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารไว้ 4 วิธี ดังนี้
1.) เปิดเผยโดยการนำข้อมูลข่าวสารที่กฎหมายกำหนดลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษา ข้อมูลที่ต้องเปิดเผยโดยวิธีนี้ประกอบด้วย ข้อมูลที่เกี่ยวกับโครงการสร้างและการจัดการองค์กร สรุปอำนาจหน้าที่สำคัญและวิธีการดำเนินงาน สถานที่ติดต่อเพื่อขอรับข้อมูล ข่าวสาร กฎ มติคณะรัฐมนตรี ข้อบังคับ คำสั่ง หรือหนังสือเวียน ที่จัดให้มีขึ้นโดยมีสภาพอย่างกฎเพื่อให้มีผลเป็นการทั่วไปต่อเอกชนที่เกี่ยวข้องและข้อมูลข่าวสารอื่นตามที่คณะกรรมการกำหนด
2.) เปิดเผยโดยการตั้งแสดงไว้ในสถานที่ที่หน่วยงานจัดเตรียมไว้ให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้ด้วยตนเอง ข้อมูลข่าวสารที่ต้องเปิดเผยโดยวิธีนี้ประกอบด้วย ผลการพิจารณาหรือคำวินิจฉัยที่มีผลโดยตรงต่อเอกชน นโยบายหรือการตีความหมายที่ไม่เข้าข่ายต้องลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาตามมาตรา 7 (4) แผนงาน/โครงการ และงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่กำลังดำเนินการคู่มือคำสั่งเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งมีผลกระทบถึงสิทธิหน้าที่ของเอกชน สิ่งพิมพ์ที่ได้อ้างถึง มาตรา 7 วรรคสอง สัญญาสัมปทาน สัญญาที่มีลักษณะเป็น การผูกขาด ตัดตอน หรือสัญญาร่วมทุนกับเอกชน ในการจัดทำบริการสาธารณะ มติคณะรัฐมนตรี หรือมติคณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยกฎหมาย หรือโดยมติคณะรัฐมนตรี และข้อมูลข่าวสารอื่นตามที่คณะกรรมการกำหนด
3.) เปิดเผยตามที่ประชาชนมีคำขอเป็นการเฉพาะราย ซึ่งข้อมูลข่าวสารที่จะขอให้เปิดเผยโดยวิธีนี้ เป็นข้อมูลข่าวสารที่อยู่นอกเหนือจากข้อ 1 และข้อ 2 ดังกล่าวข้างต้น
4.) การเปิดเผยโดยหอจดหมายเหตุแห่งชาติ ข้อมูลข่าวสารที่จะขอให้เปิดเผยโดยวิธีนี้ คือ ข้อมูลข่าวสารที่เป็นเอกสารประวัติศาสตร์ ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนได้มีโอกาสศึกษาค้นค้าเป็นการทั่วไป
เมื่อได้ทราบถึงวิธีการเปิดเผยทั้ง 4 วิธี ดังกล่าวข้างต้นแล้ว กล่าวได้ว่าประชาชนจะสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของราชการ สรุปได้ดังนี้
1.) โดยการตรวจค้นได้จากราชกิจจานุเบกษา สำหรับข้อมูลข่าวสารที่ต้องเปิดเผยโดยวิธีการลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษา ตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540
2.) โดยการใช้สิทธิเข้าตรวจดูได้ด้วยตนเอง ณ สถานที่ ที่หน่วยงานกำหนดและจัดเตรียมข้อมูลข่าวสารนั้นไว้สำหรับข้อมูลข่าวสารตามมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540
3.) โดยการไปใช้สิทธิขอดูโดยการยื่นคำขอต่อหน่วยงานของรัฐ ที่จัดกับหรือครอบครองดูแลข้อมูลข่าวสารที่ต้องการขอดูนั้น สำหรับข้อมูลข่าวสารของราชการปกติทั่วไป
4.) โดยการใช้บริการศึกษาค้นคว้า ณ หอจดหมายเหตุแห่งชาติ สำหรับข้อมูลข่าวสารที่เป็น “เอกสารประวัติศาสตร์”
“ข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล” หมายความว่าอย่างไร?
“ข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล” คือ ข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่เป็น “สิ่งเฉพาะตัว” ของบุคคล ไม่ว่าในแง่มุมใด เช่น การศึกษา ฐานะการเงิน ประวัติ สุขภาพ ประวัติอาชญากรรม ประวัติการทำงาน เป็นต้น
ข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวกับสิ่งเฉพาะตัวของบุคคลยัง ไม่ถือเป็นข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัตินี้ นอกจากจะมีสิ่งบ่งชี้ตัวบุคคลด้วยว่าข้อมูลข่าวสารนั้นเป็นของบุคคลใด โดยอาจเป็น รหัส หมายเลข รูปถ่าย หรือ สิ่งบ่งชี้อย่างอื่นก็ได้
โดยปกติคนเราจะมีความเป็นอยู่ส่วนตัวในการดำรงชีวิตระดับที่ไม่ต้องการให้ผู้อื่นนำไปเปิดเผยต่อสาธารณะ ซึ่งอาจทำให้เราเกิดความไม่สบายใจ หรือรำคาญใจ ซึ่งมาตรา ๓๔ ของรัฐธรรมนูญ ได้รับรองว่าบุคคลมีสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัว ผู้ใดจะรุกล้ำความเป็นอยู่ส่วนตัวของบุคคลอื่นมิได้
ประวัติความเป็นมา
ตราสัญลักษณ์
เทศบาลตำบลนาเยีย ก่อนนั้นเป็นสุขาภิบาล ซึ่งได้รับการแต่งตั้งตามประกาศกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2532 ซึ่งขึ้นตรงกับ อำเภอเดชอุดม และต่อมาเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2536 ตำบลนาเยีย ได้รับการจัดตั้งตามประกาศกระทรวงมหาดไทย จัดตั้งเป็นกิ่งอำเภอนาเยีย และมีพระราชบัญญัติเปลี่ยนแปลงฐานะของสุขาภิบาลเป็นเทศบาล พ.ศ.2542 ประกาศเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2542 และมีผลทำให้สุขาภิบาลนาเยีย ได้ยกฐานะเป็นเทศบาลตำบลนาเยีย ตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม 2542 เป็นต้นมา เทศบาลตำบลนาเยีย มีพื้นที่ประมาณ 10.15 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 6,340 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของตำบลนาเยีย ได้แก่ หมู่ที่ 1,2,3,4, และ 8 ห่างจากอำเภอเดชอุดม ประมาณ 30 กิโลเมตร ห่างจากจังหวัดอุบลราชธานี ประมาณ 35 กิโลเมตร
https://nayia.go.th/council-notice/itemlist/user/904-superuser?start=600#sigProGalleriad43047078b
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับภาษีท้องถิ่น
ภาษีโรงเรือนและที่ดิน
ภาษีโรงเรือนและที่ดิน คือ ภาษีที่จัดเก็บจากบ้านเช่า อาคาร ร้านค้า ตึกแถว บริษัท ธนาคาร โรงภาพยนตร์ แฟลต หอพัก คอนโดมิเนียม ร.ร.สอนวิชาชีพ โรงงานอุตสาหกรรม สนามมวย สนามกอล์ฟ ท่าเรือ บ่อนไก่ ฟาร์มสัตว์ คลังสินค้า และบริเวณที่ดินที่ปกติใช้ร่วมรับโรงเรือนนั้น โดยมีห้วงเวลาในการจัดเก็บประจำทุกวันที่ 1 มกราคม ถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ของทุกปี
การยื่นแบบประเมินและการชำระภาษี
- เจ้าของทรัพย์สินหรือผู้รับมอบอำนาจยื่นแบบแสดงรายการทรัพย์สิน (ภ.ร.ด.2) ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งทรัพย์สินนั้นตั้งอยู่ ตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม – สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ของทุกปี
- ถ้าค่าภาษีเกิน 9,000 บาท สามารถผ่อนชำระได้ 3 งวดๆละเท่ากัน
- ผู้รับการประเมินต้องชำระเงินภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแบบแจ้งการประเมิน
อัตราค่าปรับ
- ผู้ใดละเลยไม่ยื่นแบบแสดงรายการมีความผิด โทษปรับไม่เกิน 200 บาท และเรียกเก็บภาษีย้อนหลังได้ไม่เกิน 10 ปี
- ผู้ยื่นแบบแสดงรายการไม่ถูกต้องตามความจริงหรือไม่บริบูรณ์มีความผิดต้อง ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 500 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และเรียกเก็บภาษีย้อนหลังได้ไม่ เกิน 5 ปี
- ถ้าชำระภาษีเกินกำหนด 30 วันนับแต่วันถัดจากวันที่ได้รับแจ้งการประเมิน ให้เสียเงินเพิ่ม ดังนี้
- ไม่เกิน 1 เดือน เสียเงินเพิ่ม 2.5% ของค่าภาษี
- เกิน 1 เดือนแต่ไม่เกิน 2 เดือนเสียเงินเพิ่ม 5% ของค่าภาษี
- เกิน 2 เดือนแต่ไม่เกิน 3 เดือนเสียเงินเพิ่ม 7.5%ของค่าภาษี
- เกิน 3 เดือนแต่ไม่เกิน 4 เดือนเสียเงินเพิ่ม 10% ของค่าภาษี
- เกิน 4 เดือนขึ้นไปให้ยึดหรือขายทอดตลาดทรัพย์สิน โดยมิต้องขอให้ศาลสั่งหรือออกหมายยึด
ภาษีบำรุงท้องที่
ภาษีบำรุงท้องที่ คือ ภาษีที่จัดเก็บจากเจ้าของที่ดินหรือผู้ครอบครองที่ดินนั้น โดยมีห้วงจัดเก็บประจำทุก ภาษีบำรุงท้องที่ วันที่ 1 มกราคม ถึง 30 เมษายน ของทุกปี
อัตราภาษี
เสียตามราคาปานกลางของที่ดิน มีหลายอัตรา ขอทราบรายละเอียดกับเจ้าหน้าที่ ได้โดยตรง ที่ดินว่างเปล่า หรือไม่ได้ทำประโยชน์ จะต้องเสียภาษีเป็น 2 เท่า ของอัตราปกติ
การอุทธรณ์การฟ้องศาล
- ยื่นอุทธรณ์ผ่านเจ้าพนักงานประเมินภายใน 30 วัน
ยื่นแบบแสดงรายการที่ดินและการชำระภาษี
- ให้เจ้าของที่ดิน,ผู้ครอบครองที่ดิน ยื่นแบบแสดงรายการที่ดิน (ภ.บ,ท.5) และชำระภาษีปีละครั้ง ตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม ถึง 30 เมษายน ของทุกปี
- ผู้ที่ได้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินใหม่หรือเนื้อที่ดินเปลี่ยนแปลงให้ยื่นแบบนับแต่วันที่โอนกรรมสิทธิ์
อัตราโทษและค่าปรับ
- ไม่ยื่นแบบภายในกำหนดเสียเงินเพิ่ม 10% ของค่าภาษีที่ประเมิน
- ยื่นรายการไม่ถูกต้องเสียเงินเพิ่ม 10% ของค่าภาษีที่ประเมินเพิ่ม
- ชี้เขตแจ้งจำนวนเนื้อที่ดินไม่ถูกต้อง ต้องเสียเงินเพิ่มอีก 1 เท่า ของค่าภาษีที่ประเมินเพิ่ม
- ชำระภาษีเกินกำหนดวันที่ 30 เมษายน ต้องเสียเงินเพิ่ม 24% ต่อปี ของค่าภาษี
ภาษีป้าย
ภาษีป้าย คือ ภาษีที่จัดเก็บจากป้ายแสดงชื่อ ยี่ห้อ หรือเครื่องหมายการค้าหรือโฆษณาหรือกิจการอื่น เพื่อหารายได้ไม่ว่าจะแสดงหรือโฆษณาไว้ที่วัตถุใดๆ ด้วยอักษรภาพหรือเครื่องหมายที่เขียน แกะสลักจารึก หรือทำให้ปรากฏด้วยวิธีอื่น โดยมีห้วงเวลาการจัดเก็บประจำทุกวันที่ ภาษีป้าย 1 มกราคม ถึง 31 มีนาคม ของทุกปี
อัตราภาษี
- ป้ายที่มีอักษรไทยล้วน คิดอัตรา 3 บาท ต่อ 500 ตร.ซม.
- ป้ายที่มีอักษรไทยปนกับอักษรต่างประเทศ หรือปนกับรูปภาพ หรือเครื่องหมายอื่นคิดอัตรา 20 บาทต่อ 500 ตร.ซม.
- ป้ายดังต่อไปนี้คิดอัตรา 40 บาทต่อ 500 ตร.ซม.
- ป้ายที่ไม่มีอักษรไทยบางส่วน หรือทั้งหมดอยู่ใต้หรือต่ำกว่าอักษรต่างประเทศ
- ป้ายที่มีอักษรไทยบางส่วนหรือทั้งหมดอยู่ใต้หรือต่ำกว่าอักษรต่างประเทศ
- ป้ายที่คำนวณพื้นที่และประเภทของป้ายแล้ว เสียภาษีต่ำกว่า 200 บาท ให้เสียในอัตรา 200 บาท
การยื่นแบบประเมินและการชำระภาษี
- ให้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้าย ตั้งแต่ 2 มกราคม ถึง 31 มีนาคม ของทุกปี โดยเสียเป็นรายปี ยกเว้นป้ายที่ติดตั้งใหม่ให้ยื่นแบบแสดงรายการภายใน 15 วัน
- ชำระภาษีป้ายภายใน 15 วัน นับแต่วันได้รับแจ้งการประเมินจากพนักงานเจ้าหน้าที่
- ถ้าภาษีป้ายเกิน 3,000 บาท สามารถผ่อนชำระได้ 3 งวดๆละเท่ากัน
อัตราโทษและค่าปรับ
- ไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายภายใน เดือนมีนาคมหรือหลังติดตั้งป้าย 15 วันเสียเงินเพิ่ม 10% ของค่าภาษี
- ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายไม่ถูกต้องทำให้ค่าภาษีน้อยลง ต้องเสียเงินเพิ่ม 10% ของค่าภาษีที่ประเมินเพิ่มเติม
- ไม่ชำระเงินภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับการแจ้งการประเมินเสียเงินเพิ่ม 2% ต่อเดือน ของค่าภาษีเศษของเดือนให้นับเป็นหนึ่งเดือน
ใบอนุญาตกิจการประเภทต่างที่ต้องมีการควบคุม
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 71 แห่ง พ.ร.บ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ.2537 และมาตรา 32, 54 และ 63 แห่ง พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ.2535 ออกข้อบังคับไว้ให้กิจการประเภทต่างๆ ดังต่อไปนี้ เป็นกิจการที่ต้องมีการควบคุม
- กิจการที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงสัตว์ เช่น เลี้ยงไก่,หมู ฯลฯ
- กิจการที่เกี่ยวกับอาหาร เครื่องดื่ม น้ำดื่ม
- กิจการที่เกี่ยวกับการเกษตร
- กิจการที่เกี่ยวกับยานยนต์ เครื่องจักรหรือเครื่องกล
- กิจการที่เกี่ยวกับการบริการเช่น ตู้เกมส์ ร้านเสริมสวย หอพัก ฯลฯ
- กิจการที่เกี่ยวกับสิ่งทอเช่นการเย็บผ้าด้วยเครื่องจักร ซักอบรีด ฯลฯ
- กิจการที่เกี่ยวกับ หิน ดิน ทราย ซีเมนต์
- กิจการที่เกี่ยวกับยา
- กิจการที่เกี่ยวกับไม้
- กิจการที่เกี่ยวกับปิโตรเลียม ถ่านหิน สารเคมี แก๊ส น้ำมัน เป็นต้น
เอกสารที่ต้องใช้ในการขออนุญาต
- บัตรประจำตัวประชาชน/ข้าราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- ใบอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยอาคาร
- เอกสารหรือหลักฐานอื่นที่เจ้าหน้าที่เห็นว่าสมควร เรียกเพิ่มเพื่อประกอบการพิจารณาอนุญาต
อัตราโทษและค่าปรับ
- ผู้ประกอบการค้ารายใด ไม่ปฏิบัติตามหรือฝ่าฝืนข้อบังคับนี้ ต้องระวางโทษตามบทกำหนดโทษแห่ง พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ. 2535
- ไม่ชำระค่าธรรมเนียมตามกำหนดเวลาเสียค่าปรับเพิ่ม 20% ของจำนวนค่าธรรมเนียมที่ค้างชำระ เว้นแต่จะได้บอกเลิกการดำเนินกิจการก่อนกำหนด การเสียค่าธรรมเนียมตามข้อบังคับนี้
ติดต่อชำระภาษี
งานจัดเก็บรายได้ กองคลัง องค์การบริหารส่วนตำบลโนนผึ้ง อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี 34190. โทร. 045-953452 แฟกซ์ 045-953452 อีเมลล์ This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
"ท้องถิ่นดี ภาษีช่วย ท้องถิ่นสวย ภาษีสร้าง"
กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม
นายธนศักดิ์ ชาญเฉลิม
ผู้อำนวยการกองสาธารณสุข
และสิ่งแวดล้อม
นางนวลประกาย สุนนท์ชัย
นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ
นายจักรี พิณทอง
นักวิชาการสุขาภิบาลปฏิบัติการ
นายธนภัทร พิพัฒน์กุลศิริ
เจ้าพนักงานสาธารณสุขชำนาญงาน
นางสาววณิชชา พุทธานุ
พยาบาลวิชาชีพ
นายสืบพงษ์ หอมจำปา
พยาบาลวิชาชีพ
นายณัฐวัฒน์ จิรพลาธิวัฒน์
เจ้าพนักงาน ทันตสาธารณสุขชำนาญงาน
นายไสว พิมมะศรี
พนักงานประจำรถขยะ
นายบุญหลาย โสภี
พนักงานจ้างทั่วไป
นางสาวทิพวรรณ จูมพล
พนักงานจ้างทั่วไป
นางสาวจิราวรรณ ดอกพุฒ
พนักงานจ้างทั่วไป
นายทวี ศรีคะเณย์
พนักงานจ้างทั่วไป
นายพารี ขันธวัฒน์
พนักงานจ้างทั่วไป
นายอภิชัย ดอกพุฒ
พนักงานจ้างทั่วไป
นางสาวจิราพร เอี่ยมอำไพ
พนักงานจ้างทั่วไป
นางวาสนา สายทอง
พนักงานจ้างทั่วไป
นายอุลัย กำแก้ว
พนักงานจ้างทั่วไป
นายพันธ์ จูมมะณีย์
พนักงานจ้างทั่วไป
นายวิชัย ราษี
พนักงานจ้างทั่วไป
นายสมชาย แก้วอุดร
พนักงานจ้างทั่วไป
นางอำนวย มาลีสี
คนสวน
วิสัยทัศน์-พันธกิจ
การพัฒนาท้องถิ่นของเทศบาลตำบลนาเยียนั้น เป็นการสร้างกระบวนการมีส่วนของชุมชนในการร่วมคิดร่วมแก้ไขปัญหา ตลอดจนร่วมสร้างร่วมส่งเสริมความเข้มแข็งของชุมชน ให้มีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถิ่นในทุกด้าน การพัฒนาเทศบาลตำบลนาเยีย จะสมบูรณ์ได้ จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือของชุมชน ในพื้นที่เกิดความตระหนักร่วมกันแก้ไขปัญหาและความเข้าใจในแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง เทศบาลตำบลนาเยียยังได้เน้นให้คนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา นอกจากนั้นยังได้เน้นการส่งเสริมและสนับสนุนให้การศึกษาเด็กก่อนวัยเรียน และพัฒนาเยาวชนให้พร้อมที่จะเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ โดยยึดกรอบแนวทางในการจัดระเบียบการศึกษา ส่วนด้านพัฒนาอาชีพนั้น จะเน้นพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนพึ่งตนเองในท้องถิ่น
นโยบายการบริหาร (Administrative Policy)
“สร้างคน สร้างงาน สร้างบ้าน สร้างสามัคคี”
เทศบาลตำบลนาเยีย กำหนดวิธีการดำเนินการตามภารกิจสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แผนพัฒนาจังหวัด แผนพัฒนาอำเภอ แผนพัฒนาตำบล นโยบายของรัฐบาล และนโยบายของผู้บริหารท้องถิ่น ทั้งนี้สามารถวิเคราะห์ภารกิจให้ตรงกับสภาพปัญหา โดยอำนาจหน้าที่ของเทศบาลตำบลตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.2496 ( และที่แก้ไขเพิ่มเติมจนถึงฉบับปัจจุบัน ) และตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542
วิสัยทัศน์ (Vision)
วิสัยทัศน์การพัฒนา (vision) หมายถึง เพื่อแสดงถานการณ์ในอุดมคติ
“พัฒนาให้เป็นเมืองสงบน่าอยู่ มีคุณภาพชีวิตที่ดี ส่งเสริมเศรษฐกิจพอเพียง
หลีกเลี่ยงการสร้างมลภาวะ ได้รับการศึกษาถ้วนหน้า”
พันธกิจ (Mission)
พันธกิจ (Mission) หมายถึง ขอบเขตของบทบาทหน้าที่หลักขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่จำเป็นต่อการบรรลุวิสัยทัศน์ (คือเราต้องทำอะไรถึงจะบรรลุตามวิสัยทัศน์ที่เรากำหนดไว้)
- พัฒนาระบบสาธารณูปโภคและสาธารณูปการพื้นฐานให้ได้มาตรฐานเพียงพอและทั่วถึง
- ส่งเสริมให้มีการรวมกลุ่มอาชีพของชุมชน เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข้งของชุมชน
- ส่งเสริมและสนับสนุนด้านการป้องกันการแพร่ระบาดของสารเสพติด
- ส่งเสริมการอนุรักษ์วัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่นศิลปวัฒนธรรมและการศึกษา
- ส่งเสริมให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถิ่น
- สร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
- ด้านการพัฒนาการบริหารและการจัดการด้านสาธารณสุข
เป้าประสงค์ (goal)
- การคมนาคม สะดวกรวดเร็ว และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ
- ประชาชนมีอาชีพเสริม มีรายได้เพิ่มขึ้น และพอเพียงต่อการดำรงชีวิต
- เทศบาลหน่วยงานภาครัฐ เอกชนและประชาชนมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหายาเสพติดร่วมกัน
- วัฒนธรรมองค์กรมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทั้งด้านคุณภาพการศึกษา สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ บริการ สังคม อนุรักษ์ประเพณีต่าง ๆ
- ประชาชนมีส่วนร่วมในการวางแผนการพัฒนาท้องถิ่น
- สิ่งแวดล้อมไม่เกิดมลพิษ
- ประชาชนมีสุขาภาพดี
กองการศึกษา
นางสาวทรรศนีย์ นนธิจันทร์
ผู้อำนวยการกองการศึกษา
- ว่าง -
นักสันทนาการ (ปก./ชก.)
นางสาวชิดชนก เจริญ
เจ้าพนักงานธุรการ
นางเข็มขัน พันนวยนนต์
รักษาการ หัวหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตำบลนาเยีย
นางทัศนา นามวี
ครู คศ.2
นางญาณิศา ศรีสุพรรณ
ครู คศ.2
นางสาวศิริพร ศรีสุพรรณ์
ครู คศ.2
นางหนูเพียร ศรีสุพรรณ์
ครู คศ.1
นางสาววิลาวรรณ คำภิเดช
ครู คศ.1
นางสาวอารีรัตน์ กิ่งคำ
ครู คศ.1
นางกาญจนา คำลุน
ครู คศ.1
นายบดินทร์ บัวจันทร์
ผู้ช่วยนักสันทนาการ
นายเจษฎากร กุลบุตร
พนักงานจ้างทั่วไป
นางสาวจรัญญา ศรีโคตร
ผู้ดูแลเด็ก(ทักษะ)
นางสาวสมรักษ์ นีระมนต์
ผู้ดูแลเด็ก(ทักษะ)
นางสาวศรัณญา นีระมนต์นาง
ผู้ดูแลเด็ก(ทักษะ)
นางสาวอนุธิดา สายทอง
ผู้ดูแลเด็ก(ทักษะ)
นางสาววลีพร อาษา
ผู้ดูแลเด็ก(ทั่วไป)
สาวปภัสรา แก้วเหนือ
ผู้ดูแลเด็ก(ทั่วไป)
นางสาวละอองดาว ดอกจันทร์
ผู้ดูแลเด็ก(ทั่วไป)
กองช่าง
นายสุริยา ปลัดอิ่มพะเนาว์
ผู้อำนวยการกองช่าง
- ว่าง -
หัวหน้าฝ่ายแบบแผนและก่อสร้าง
นายปัณณวัฒน์ ประจันทร์
นายช่างโยธาปฏิบัติงาน
นางสาวภคอร คงคะพันธ์
เจ้าพนักงานธุรการปฏิบัติงาน
นายอภิเชษฐ์ พิลาสันต์
ผู้ช่วยนายช่างไฟฟ้า
นางสาวอัษฎาพร จันทร์พันธ์
ผู้ช่วยนายช่างโยธา
นางสาวพัชราภรณ์ นีระมนต์
ผู้ช่วยนักวิชาการสวนสาธารณะ
นายปิยวัฒน์ สินศิริ
ผู้ช่วยเจ้าพนักงานประปา
นางสาวนัทชา นีระมนต์
พนักงานจ้างทั่วไป
นายสมัย แสงงาม
พนักงานจ้างทั่วไป
นายทศพล คำมั่น
พนักงานจ้างทั่วไป
นายสุขสันต์ นีระมนต์
พนักงานจ้างทั่วไป
นายบุญเพ็ง ศรีโภชน์
พนักงานจ้างทั่วไป
นายสถาพร ทองสินทร์
พนักงานจ้างทั่วไป
นายบุญจันทร์ นีระมนต์
พนักงานจ้างทั่วไป
นายไกรรงค์ อาชญาทา
พนักงานจ้างทั่วไป
นายณัฐวุฒิ ศรีสุพรรณ์
พนักงานจ้างทั่วไป
กองคลัง
นางรัตนพร จีรดิษฐ
ผู้อำนวยการกองคลัง
นางสาวอัฉราพร ลาภา
นักวิชาการจัดเก็บรายได้ชำนาญการ
นางสาวลดาวัลย์ ประทุมมา
เจ้าพนักงานการเงินและบัญชีชำนาญงาน
นางสาวอรอุมา อุส่าห์แท้
ผู้ช่วยเจ้าพนักงานการเงินและบัญชี
นางสาววิภาดา พิลาสันต์
ผู้ช่วยเจ้าพนักงานธุรการ
นางสาวชนากาญจน์ วงษ์ศรี
ผู้ช่วยเจ้าพนักงานจัดเก็บรายได้
สำนักปลัดเทศบาล
นายชาตรี นามวงศ์
หัวหน้าสำนักปลัดเทศบาล
นางสาวณภาดา บุญยืน
หัวหน้าฝ่ายอำนวยการ
นางสาวนงค์รักษ์ นีระมนต์
นักจัดการงานทั่วไปชำนาญการ
นายสายันต์ แสงประสาร
นิติกรชำนาญการ
นางสาวชนิสรา สีสันต์
นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ
นางสาวดุษฏี ราชขันธ์
นักทรัพยากรบุคคลชำนาญการ
นางสาวณัฐธิดา อุ่นใจ
นักพัฒนาชุมชนปฏิบัติการ
นางสาวศศิกร นีระมนต์
นักประชาสัมพันธ์ปฏิบัติการ
นายจำเนียร คงนิล
เจ้าพนักงานทะเบียนชำนาญงาน
นายพงษ์ภัทร อาษา
เจ้าพนักงานป้องกันและ
บรรเทาสาธารณภัยชำนาญงาน
นายวิจิตร นีระมนต์
พนักงานขับเครื่องจักรกลขนาดเบา
นางสาวรจนา พิลาสันต์
ผู้ช่วยนักทรัพยากรบุคคล
นางสาวกรรณิกา พันจร
ผู้ช่วยเจ้าพนักงานธุรการ
นางสาวอุบลรัตน์ พิลาสันต์
ผู้ช่วยเจ้าพนักงานธุรการ
นายณัท จูมณีย์
พนักงานขับรถยนต์
นายวีระพล มาลีสี
พนักงานขับรถยนต์
นายโมทะนา แก้วอุดร
พนักงานขับรถยนต์
นายแสงจันทร์ ขันทอง
พนักงานดับเพลิง
นายคำพันธ์ พิลาล้ำ
พนักงานดับเพลิง
นายวิทวัฒน์ หินอ่อน
พนักงานดับเพลิง
นายโชคชัย นีระมนต์
พนักงานดับเพลิง
นางราตรี ถนอมทรัพย์
พนักงานจ้างทั่วไป
นางสาวพิศสมัย ดอกพุฒ
พนักงานจ้างทั่วไป
นางสาวอรสา ขันทอง
พนักงานจ้างทั่วไป